การเผยแพร่และการตอบรับ ของ การหายตัวไปของสึซึมิยะ ฮารุฮิ

ประเทศญี่ปุ่น

หนึ่งสัปดาห์ให้หลังเริ่มฉายเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2553 ณ โรงภาพยนตร์ยี่สิบสี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น การหายตัวไปของสึซึมิยะ ฮารุฮิ ก็ติดอันดับหนึ่งในสิบภาพยนตร์ทำเงินมากที่สุดในประเทศ[12] โดยสัปดาห์นั้นสร้างรายได้ราวสองร้อยล้านเยน[13]

ต่อมา อนิเมะนี้ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในการประกาศผลรางวัลแอนิเมชันโคเบะ (Animation Kobe Awards) ประจำปี 2553[14] และมิโนริ ชิฮาระ ยังได้รับรางวัลขับร้องยอดเยี่ยมสำหรับเพลง "ยะซะชี โบเกียะกุ" ณ การประกาศผลรางวัลเซยู (Seiyu Awards) ครั้งที่ห้า ประจำปีเดียวกันด้วย[15]

อนิเมะเรื่องนี้ทำเป็นบลูเรย์และดีวีดีทั้งแบบปรกติและแบบพิเศษขายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553[16][17] ในสัปดาห์แรก แบบบลูเรย์ก็ขายได้มากกว่าเจ็ดหมื่นเจ็ดพันแผ่น เป็นอันดับหนึ่งตามผังออริคอน (Oricon) และในเวลาเดียวกัน แบบดีวีดีนั้นขายได้หนึ่งหมื่นเก้าพันหกร้อยหกสิบเจ็ดแผ่น ติดอันดับสี่ตามผังเดียวกัน[18]

ประเทศไทย

โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ถือลิขสิทธิ์อนิเมะ สึซึมิยะ ฮารุฮิ ในประเทศไทย ได้นำอนิเมะนี้เข้ามาฉายในราชอาณาจักรเพียงวันเดียว คือ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2554 สองรอบ คือ รอบสิบสี่นาฬิกา และรอบสิบเจ็ดนาฬิกา ณ โรงภาพยนตร์ลิโด้ สยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร แห่งเดียว ท่ามกลางอุทกภัยใหญ่ในปีนั้น โดยไม่พากย์ไทย แต่บรรยายไทยแทน[2][3][19]

มีรายงานว่า แม้สถานการณ์อุทกภัยจะรุนแรง แต่ก็มีผู้เข้าชมเป็นอันมาก สามารถขายตั๋วได้หมดในวันเดียว และในการฉายดังกล่าว โรส มีเดียฯ ยังจัดประมูลสินค้าเกี่ยวกับอนิเมะ เป็นต้นว่า ดีวีดีฉบับพิเศษ สมุดภาพ หมอน ปลอกหมอน และอื่น ๆ เพื่อนำรายได้บริจาคให้มูลนิธิชัยพัฒนาไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วย[19][3][20]

ต่อมา ได้จัดพากย์ไทยและทำเป็นสื่อบันเทิงสำหรับบ้านในรูปแบบวีซีดีและดีวีดีขายตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 เฉพาะดีวีดีนั้นมีสองแบบ คือ แบบพิเศษ แถมปลอกหมอน สมุดภาพ และไปรษณียบัตรฮารุฮิ แบบหนึ่ง กับแบบธรรมดา มีเฉพาะตัวดีวีดี อีกแบบหนึ่ง[21]

ทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป

บันดะอิเอนเตอร์เทนเมนต์ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ การหายตัวไปของสึซึมิยะ ฮารุฮิ ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยบริษัทนี้ร่วมผลิตพากย์ภาษาอังกฤษกับแบ็งซูม! เอนเตอร์เทนเมนต์ (Bang Zoom! Entertainment) แล้วนำออกฉาย ณ นครซานฟรานซิสโกเป็นแห่งแรกตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ครั้นแล้ว จึ่งฉายที่โรงภาพยนตร์เล็มลีส์ซันเซ็ต (Laemmle's Sunset theater) ในย่านฮอลลีวูดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปีนั้น และท้องที่อื่น ๆ ตามมาโดยลำดับ[22] ในการนี้ ยังได้นำออกฉายที่รัฐฮาวายเป็นส่วนหนึ่งของงานภาพยนตร์โดดเด่นจากเอเชีย (Spotlight Asia Films) เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ด้วย[23] ขณะที่ในทวีปยุโรป อนิเมะนี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2553 ณ เทศกาลสก็อตแลนด์รักอนิเมะ (Scotland Loves Anime) ที่ประเทศสก็อตแลนด์[24]

บลูเรย์และดีวีดีฉบับพากย์อังกฤษดังกล่าว ขายในทวีปอเมริกาเหนือตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2554 ส่วนในสหรัฐราชอาณาจักร มังงะเอนเตอร์เทนเมนต์นำดีวีดีออกขายตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 และกำหนดขายบลูเรย์ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 สืบไป[25][26][27][28][29][30][31] ขณะที่ในประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ แม็ดแมนเอนเตอร์เทนเมนต์ (Madman Entertainment) ขายบลูเรย์และดีวีดีตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554[32][33]

แหล่งที่มา

WikiPedia: การหายตัวไปของสึซึมิยะ ฮารุฮิ http://www.madman.com.au/catalogue/view/14540 http://www.madman.com.au/catalogue/view/15326/the-... http://www.animenewsnetwork.com http://www.animenewsnetwork.com/encyclopedia/anime... http://www.animenewsnetwork.com/news/2009-10-08/di... http://www.animenewsnetwork.com/news/2009-11-02/gi... http://www.animenewsnetwork.com/news/2009-12-17/ha... http://www.animenewsnetwork.com/news/2010-02-11/ja... http://www.animenewsnetwork.com/news/2010-02-12/ka... http://www.animenewsnetwork.com/news/2010-04-15/ba...